รวม เอล คนทะลุมิติ chapter 2 ตอนที่ 1 - 10 อ่านกันจุใจ - นิยาย รวม เอล คนทะลุมิติ chapter 2 ตอนที่ 1 - 10 อ่านกันจุใจ : Dek-D.com - Writer
×

    รวม เอล คนทะลุมิติ chapter 2 ตอนที่ 1 - 10 อ่านกันจุใจ

    รวมตอนมาให้อ่านกันแบบจุใจครับ ครั้งละสิบตอนครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    95

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    95

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  13 เม.ย. 56 / 00:00 น.
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    1

                                            

    เฮเว่นเกต

                                   

    บ่ายสองโมงวันเสาร์

                    ที่ห้องทำงานของเดลบนชั้นยี่สิบห้าตึกกองบัญชาการตำรวจ

    เดลกำลังง่วนกับการค้นหาข้อมูลบางอย่างอยู่ที่หน้าจอแอลซีดีขนาดยี่สิบนิ้ว มือของเขาคาค้างอยู่ที่คีย์บอร์ด ตาจ้องค้างที่เวบบราวเซอร์ไฟร์สปีดตรงหน้า เมื่อครู่เดลพิมพ์คำว่า เฮเว่นเกต ลงไปในช่องค้นหาและสั่งค้นหา แล้วเขาก็ได้ข้อมูลมากมาย ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับคำๆนี้ดูจะเป็นข้อมูลเดียวกันที่ถูกโพสต์ไว้มากมาย เขาใช้เม้าท์ไล่ค้นหาหัวเรื่องที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องจนมาหยุดอยู่ที่หน้าหัวข้อหนึ่ง

                    เฮเว่นเกต นิยายอาถรรพณ์ของลีโอ บัสโซ่: เรื่องเหลือเชื่อที่ไม่น่าจะเป็นจริงแต่ก็เป็นไปแล้ว

              เดลเข้าไปในเวบนี้และพบว่าเวบพูดถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหนังสือเฮเว่นเกตของลีโอ บัสโซ่ ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นนิยายอาถรรพณ์ บทวิจารณ์และความคิดเห็นต่างๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้า

    เดลยิ้ม เขาคิดว่าคำว่าเฮเว่นเกตต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาตามหาอยู่แน่ เขาน่าจะมาถูกทางแล้ว

    ทำไมเขาถึงตามหาคำว่า “เฮเว่นเกต”

    เมื่อสองวันที่ผ่านมาเดลเห็นนิมิตบางอย่างอีก เมื่อเดือนก่อนเขาเห็นนิมิตภาพของชายชุดดำและตามไปจนพบเรื่องราวประหลาดในค่ำคืนนั้น เขายังรู้สึกคาใจว่าพวกชายชุดดำนั้นเป็นใครกัน 

    นิมิตแสดงถึงภาพวัตถุแปลกประหลาดที่เดลไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นภาพประตูเหล็กบานใหญ่สูงใหญ่เหมือนประตูยักษ์เท่ากับตึกสิบชั้น คล้ายประตูเหล็กของยักษ์ในเรื่องแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์อย่างไรอย่างนั้น

    มันแว่บเข้ามาในสมองตอนที่เขากำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่โต๊ะทำงานที่บ้าน

    “ใช่สิประตูนั้นเรียกว่าเฮเว่นเกต”

    เขาร้องออกมาเมื่อรู้ชื่อเรียกของประตูนั้นได้ มันหมายถึงประตูสวรรค์หรืออันใดกัน เขาพยายามนึกก็นึกไม่ออกว่าไปได้ยินคำนี้ที่ไหน อาจจะได้ยินจากในลิฟท์หรือที่ทำงาน หรืออาจจะได้ยินในโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ในทีวี แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่า นิมิตจะบอกให้เขาไปหาข้อมูลนั้น

    เขาจึงลองค้นหาข้อมูลคำว่าเฮเว่นเกตจากอินเตอร์เนต และก็ได้พบข้อมูลที่น่าจะเกี่ยวข้อง เขานึกออกแล้วว่าเฮเว่นเกตเกี่ยวข้องกับชายคนหนึ่งนี่นา ชายผู้ซึ่งพบกับเรื่องร้ายคนนั้น ลีโอ บัสโซ่

    อาถรรพณ์อันน่าพิศวงหรือเรื่องบังเอิญ

                    เมื่อเปิดเข้าไปก็พบกับเรื่องราวอาถรรพณ์ซึ่งมีส่วนพัวพันกับชะตากรรมของผู้เขียน ลีโอ บัสโซ่ นักเขียนนามกระเดื่องแห่งยุคซึ่งเขาเองก็พอรู้จักอยู่บ้าง แม้ว่าเขาไม่ใช่คนชอบอ่านนิยายก็ตามที คดีของลีโอแม้จะไม่ใช่คดีที่เขาเคยเกี่ยวข้องก็ตาม แต่เขาก็สนใจในคดีนั้นมิใช่น้อยและคิดว่ามันเป็นคดีที่มีปัญหา แต่เมื่อศาลพิพากษาไปเรียบร้อยแล้วเขาจึงไม่มีข้อโต้แย้งใดใดอีก

    อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประหารชีวิตลีโอแล้ว เขาเองก็ได้รับการ์ดเชิญให้ไปเป็นสักขีพยานในวันประหารชีวิตนั้นด้วย

                                เดลสนใจในบทความในเวบนั้นซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นของเจ้าของบทความเท่านั้น

    หนึ่ง.. ผู้เขียนนิยายฆ่าภรรยาและชายชู้ตายเหมือนในเหตุการณ์ในนิยายเรื่องเฮเว่นเกตของเขา 

    สอง..ผู้คุมและพัสดีของเรือนจำแห่งเรือนจำกลางตายอย่างลึกลับเหมือนกับในเรื่อง

    สาม..ผู้อ่านจำนวนมากเหมือนต้องสะกดเมื่ออ่านมนตราในตอนหนึ่งของเรื่อง

    สี่..ชะตากรรมของตัวเอกในเรื่องมีหลายส่วนที่คล้ายกับชะตากรรมของผู้เขียน

    ห้า..สาวกนิยายจำนวนหนึ่งกำลังค้นหาภาพเขียนวิญญาณซึ่งปรากฏในท้องเรื่องเพราะเชื่อว่าภาพนั้นมีอยู่จริง และมีอาถรรพณ์จริง 

                    เดลกอดอกเอามือขวาชันคาง ข้อความเหล่านั้นสะกิดใจเขาให้เข้าสู่วังวนแห่งความสงสัย 

    เฮเว่นเกตเขียนขึ้นมาจากเค้าโครงเรื่องจริงในอนาคต.. 

    เอาเรื่องในอนาคตมาเขียน....

    เดลหันไปหยิบเสื้อคลุมและพาตัวเองออกจากแผนกสืบสวนลงลิฟท์มาชั้นล่างของตึกบัญชาการ เมื่อมองออกไปก็พบว่าผู้คนบนถนนนอกตึกดูบางตาเหลือเกินผิดกับทุกวันที่มีคนจอแจ

    เขาเดินออกจากหน้าประตูเลื่อนของตึกและเดินข้ามถนนไปยังตึกอิมพีเรียลโซไซตี้ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ที่นั่นเป็นศูนย์กลางค้าใหญ่ ปกติเกือบทุกวันจะมีผู้คนคึกคักเพราะตึกนี้เป็นศูนย์รวมธุรกิจร้านค้าจำนวนมากแต่วันนี้ผู้คนดูบางตา

    จะได้ไม่ต้องเบียดเสียด ดีเสียอีก..

    ร้านหนังสือใหญ่ๆ หลายร้านมีคนเดินไม่มากนัก

    ปกติช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เดลชอบลงมาหาอะไรทานกลางวัน ที่ชั้นสองของตึกนี้มีร้านอาหารหลากหลายชนิดและช่วงบ่ายผู้คนจะไม่พลุกพล่านวุ่นวายนัก

    แต่วันนี้มันเงียบผิดปกติกว่าทุกวัน เขาเลือกเข้าร้านหนังสือดิเอเวนเจอร์บุ๊คกาซีนและเข้าไปยังโซนหนังสือนิยายที่มีหนังสือมากมายละลานตา เขาเอานิ้วกรีดเลือกหนังสือแถวที่อยู่ในระดับสายตา อ่านชื่อที่สันหนังสือทีละเล่มทีละเล่ม เพียงครู่เดียวเขาก็ได้หนังสือเล่มที่ต้องการนั้นในมือ

                    เฮเว่นเกต สนุกยังไงนะถึงได้ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งถึงสองสามปี

                    เดลพลิกอ่านดูที่คำโปรยด้านหลัง

                    ผู้ใดค้นพบประตูสวรรค์ ผู้นั้นจะได้อำนาจเหนือโลก
                    และเมื่อเปิดสุ่มเข้าไปอ่านตอนหนึ่ง 

    เขาก้มลงกอดร่างของภรรยาสุดที่รักและร้องไห้อย่างเสียใจ

    ฉันฆ่าเธอหรือนี่ ฉันฆ่าเธอ....

    เขาคิดว่าตนเองเป็นผู้สังหารเธอ ในห้องนั้นมีเพื่อนชายคนสนิทของเธอนอนตายอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว คิดได้ดังนั้นเขาจึงหลบหนีไปพร้อมภาพเขียนทั้งสองใบเพราะเชื่อแน่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากอาถรรพณ์ของภาพเขียนเฮเว่นเกต และขณะนี้เหตุการณ์ในอดีตกำลังจะซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง เขาควบคุมสติและตรึกตรองจนแน่ใจว่าเมื่อยิ่งเข้าใกล้ภาพเขียนเฮเว่นเกต เรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับเขา จนยากจะแก้ไขได้  แต่เวลานี้เขาไม่กลัวมันอีกแล้ว

    เดลสุ่มไปยังหน้าสุดท้ายก็พบบทส่งท้ายก่อนจบภาคแรก

    เขาจะทำอย่างไรกับเวลาที่เหลือน้อยนิด เขาจะตายไม่ได้และหนทางเดียวก็คือต้องปิดประตูสวรรค์นั้นให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

    เดลปิดหนังสือและหยิบเดินไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงินค่าหนังสือและเดินออกจากร้านหนังสือ ถ้าเขาสังเกตุสักนิดจะพบว่าเอลยืนอยู่ในร้านหนังสือนั้น เอลซึ่งกำลังยืนอ่านหนังสืออยู่เหลือบมาเห็นเขาอยู่นอกร้านแล้ว

    ดวงเราสมพงศ์กับเจ้านี่เสียจริง เอลคิดก่อนที่จะสังเกตุเห็นหนังสือในมือของเดล 

    อ่านเฮเว่นเกตด้วยเรอะ

    เดลเดินอ่านหนังสือเล่มนั้นไปเรื่อยๆ เอลรีบวางหนังสือลงที่ชั้นวางและเดินตามออกมาทันที

    อ่านทำไมกัน หรือว่านายกำลังวิเคราะห์คดีด้วยหนังสือ?”

    เอลไม่ได้เดินตามออกมานอกตัวตึกยังคงเดินลัดเลาะริมกระจกเพื่อแอบดูเดลไปเรื่อยๆ

    ขณะที่เดลกำลังเดินไปตามทางเลียบตัวตึกก็สวนกับหญิงสาวคนหนึ่ง เขาชะงักทันที  แค่แว่บเดียวเขาก็รับรู้ได้ว่าหญิงสาวคนนั้นใส่แว่นตาดำและกระโปรงสีดำเสมอเข่า คล้ายคนรู้จัก 

    ใครนะ...

    เดลคิดและหันหน้ากลับไปมอง แต่ด้านหลังกลับว่างเปล่า ไม่มีหญิงสาวที่ด้านหลัง ไม่มีใครเดินผ่านไปเขาแค่คิดไปเอง เขากวาดตามองไปรอบๆบริเวณนั้น แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาคนสักคนในระยะไม่เกินสิบเมตร

    เราตาฝาดไปหรือนี่...  

    เดลแปลกใจไม่หาย ก่อนที่จะมั่นใจว่าตาฝาดหรือไม่ก็คิดไปเอง ไม่มีใครเดินผ่านมาสักคน

    หรือว่านิมิตเกิดขึ้นอีกแล้วหรือนี่...

    ขณะที่ทุกความคิดของเขาถูกเอลอ่านหมดแล้ว

    นิมิตอะไร.. เมื่อกี้ไม่เห็นมีใครนี่

    เอลเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเมื่อครู่มีคนเดินผ่านหน้าเดลไปหรือเปล่า ทำไมแค่คนเดินผ่านถึงทำให้เดลคิดเรื่อยเปื่อยไปได้ขนาดนั้น ที่สำคัญเอลได้รู้ว่าแค่คนเดินผ่านก็ทำให้เดลหวนนึกไปถึงหญิงสาวผู้หนึ่ง หญิงสาวสูงวัยกว่าเขาหลายปีผู้ซึ่งเคยสนิทสนมกับเขามานานหลายปี และเขาไม่ได้พบหน้าเธอมาสองสามปีเห็นจะได้

    ฉับพลันใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นก็พลันผุดขึ้นในจินตภาพของเดลอย่างอัตโนมัติ และเอลก็ได้เห็นใบหน้าของเธอเช่นกัน

    เธอคือซู ไอวอรี่ วัยยี่สิบห้านักสืบสาวจากอเมริกา

    เอลสงสัยว่าทำไมจู่ๆเดลจึงคิดถึงเธอขึ้นมา ไม่เห็นแปลกถ้าเป็นคนรักที่ห่างไกลก็ย่อมนึกถึงกันได้ เขาเพิ่งรู้ว่าเดลพยายามเดินวนหาหญิงสาวคนนั้น เพราะเขาปักใจเชื่อว่าเธอเดินผ่านมาที่บริเวณนั้น 

    แต่สุดท้ายก็หาไม่พบ เดลจึงตัดใจเดินออกจากบริเวณนั้น

    เอลยังคงยืนมองเดลจนเดินข้ามถนนไปยังตึกที่ทำงาน เขายังจำใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นได้ติดตา

    “ก็ดูสวยดี แต่ดูแข็งๆยังไงพิกล ว่าแต่ว่าเจ้านี่มีแฟนด้วยเรอะ อายุมากกว่าด้วยนี่นา..”

    จู่ๆ ภาพใบหน้าของแอนนาก็แว่บเข้ามาในสมองของเขา สาวลูกครึ่งเกาหลีอเมริกันสุดน่ารัก

    ไม่ได้เรื่องเลยเรา ไปคิดถึงเธอทำไม...

    คิดไปคิดมาเขาก็บ่นด่าตัวเองว่าไปแอบอ่านใจของผู้อื่นอีกแล้ว

    “เรามันแย่จริงๆ”

    ว่าแต่ ความสามารถนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ เห็นภาพใบหน้าในความคิดของผู้อื่นก็ได้ด้วย

    เอลคิดเรื่อยเปื่อยไปจนถึงที่จอดเจ้าสายฟ้า เขาเห็นขี้นกก้อนเปียกอยู่ที่เบาะรถ

    ไอ้นกบ้าที่ไหนกันนะ เอลร้องด้วยความโมโห “ขี้เรี่ยราด แย่ที่สุด”

    เขาดึงผ้าที่เก็บไว้ในกล่องหน้ารถมาเช็ดขี้นก ก่อนที่จะเหลียวมองขึ้นไปบนฟ้า มีนกฝูงใหญ่บินอยู่เหนือศีรษะของเขาและสภาพท้องฟ้าแปรปรวนรุนแรง

    จู่ๆ ทำไมฝนจะตกนะ

    จู่ลมพายุหอบใหญ่ก็พัดมา เขารีบใส่หมวกกันน๊อคและสตาร์ทรถไปจากที่นั่นทันที

    ...........................................................................................................................................................

     

     

     

    2

     

    พบกับแอนนา

     

    เจ็ดโมงเช้า ที่หน้าโรงเรียนซนต์แอนเจิ้ล

    เอลมาโรงเรียนเช้ากว่าปกติ ทำให้ใครๆรู้สึกผิดปกติ โมจิและโมงิสองพี่น้องฝาแฝดห้องเอเดินผ่านหน้าของเขาไป ทั้งคู่กำลังคุยเรื่องเขาอยู่

    วันนี้ฝนตกแน่

    ใช่สิ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมันเดินกับพวกเจ้าล้องก์เลย สงสัยมันคงเลิกคบกันแล้วมั้ง

    อย่างมันน่าจะโดนไล่ออกนะ ทำไมไม่เห็นไล่มันออก

     จู่ๆ โมจิก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเอลจ้องมองมา 

    มันรู้ว่าเรานินทามันเหรอ..

    สองพี่น้องฝาแฝดหันไปมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา

    อยู่ไกลขนาดนี้มันจะได้ยินได้ยังไงโมงิโมจิพูด แหมมันไม่มีหูทิพย์หรอกน่า

    แล้วทั้งคู่ก็รีบเดินหนีเอลไป เอลยังคงฟังสองพี่น้องซึ่งยังคงนินทาต่อ 

    และตำรวจนั่นก็เป็นพี่ชายของแอนนาห้องจีด้วยล่ะ เห็นว่าจะเป็นยอดนักสืบตาทิพย์เดลคนนั้น

    เอลสงสัยว่าเดลมาทำคดีนี้ทำไม

    แค่คดีคนหายนะทำไมต้องถึงมือเจ้านั่น..

    เขาใช้ความคิดเพลินจนเบรคไม่อยู่

    โอ๊ะ

    เขาไปชนกับบั้นท้ายของใครบางคนอย่างแรง เอลได้สติคว้าแขนไว้ได้ทันก่อนที่เธอคนนั้นจะล้มลงไปกับพื้น

    เอ๊ะ...

    ขอโทษนะ..เอลขอโทษอ้าปากค้างรีบปล่อยมือออกเมื่อพบว่าเธอคือแอนนา  

    .......

    แอนนาพูดไม่ออกก้มหน้าบ่นพึมพำยืนชะงักค้าง

    ใจลอยไม่เข้าเรื่องเลยเรา.. 

    เธอนึกว่าเธอเองที่เป็นฝ่ายเดินมาชนเอล เธอจึงก้มหน้าตำหนิตนเอง

    ยิ่งไม่อยากเจออยู่ด้วย.....

    เธอรีบเดินหนีจากไปทันที พลางคิดว่าทุกวันนี้ขณะอยู่ในโรงเรียนเธอก็ระมัดระวังที่จะไม่เดินให้ไปเจอเอลและเพื่อน เพราะเธอยังทำใจกับเรื่องน่าอับอายในวันนั้นไม่ได้

    เอ๊ะ

    เธอก็ถึงกับตกตะลึงตากลมโต เมื่อเห็นมือของเอลจับอยู่ที่ข้อมือของเธอ

    เอามือออกไปนะ

    เธอร้องด้วยความโมโหและสะบัดมือให้เอลปล่อยมือ

    อ๊ะ

    เอลรีบปล่อยมือและพูดขึ้น

    ขอโทษนะ..

    เอลก้มหน้าพูดขอโทษ และแอนนาเองก็หันไปทางอื่นเช่นกัน 

    จะทำไมอีกล่ะ

    ขอโทษกับเรื่องทั้งหมดนะพูดจบก็รีบเดินหนีจากไปทันที

    เป็นครั้งแรกที่เอลกล่าวขอโทษผู้อื่นอย่างจริงใจ

    เลิกคิดเรื่องนั้นได้มั้ยแอนนาหลับหูหลับตาพูดออกไปโดยไม่รู้ว่าเอลเดินไปไกลแล้ว

    หันมาอีกทีก็มองไม่เห็นเอลแล้ว

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น