รวม เอล คนทะลุมิติ chapter 2 ตอนที่ 1 - 10 อ่านกันจุใจ
รวมตอนมาให้อ่านกันแบบจุใจครับ ครั้งละสิบตอนครับ
ผู้เข้าชมรวม
95
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
1
เฮเว่นเกต
บ่ายสองโมงวันเสาร์
ที่ห้องทำงานของเดลบนชั้นยี่สิบห้าตึกกองบัญชาการตำรวจ
เดลกำลังง่วนกับการค้นหาข้อมูลบางอย่างอยู่ที่หน้าจอแอลซีดีขนาดยี่สิบนิ้ว มือของเขาคาค้างอยู่ที่คีย์บอร์ด ตาจ้องค้างที่เวบบราวเซอร์ไฟร์สปีดตรงหน้า เมื่อครู่เดลพิมพ์คำว่า “เฮเว่นเกต” ลงไปในช่องค้นหาและสั่งค้นหา แล้วเขาก็ได้ข้อมูลมากมาย ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับคำๆนี้ดูจะเป็นข้อมูลเดียวกันที่ถูกโพสต์ไว้มากมาย เขาใช้เม้าท์ไล่ค้นหาหัวเรื่องที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องจนมาหยุดอยู่ที่หน้าหัวข้อหนึ่ง
“เฮเว่นเกต นิยายอาถรรพณ์ของลีโอ บัสโซ่: เรื่องเหลือเชื่อที่ไม่น่าจะเป็นจริงแต่ก็เป็นไปแล้ว”
เดลเข้าไปในเวบนี้และพบว่าเวบพูดถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหนังสือเฮเว่นเกตของลีโอ บัสโซ่ ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นนิยายอาถรรพณ์ บทวิจารณ์และความคิดเห็นต่างๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เดลยิ้ม เขาคิดว่าคำว่าเฮเว่นเกตต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาตามหาอยู่แน่ เขาน่าจะมาถูกทางแล้ว
ทำไมเขาถึงตามหาคำว่า “เฮเว่นเกต”
เมื่อสองวันที่ผ่านมาเดลเห็นนิมิตบางอย่างอีก เมื่อเดือนก่อนเขาเห็นนิมิตภาพของชายชุดดำและตามไปจนพบเรื่องราวประหลาดในค่ำคืนนั้น เขายังรู้สึกคาใจว่าพวกชายชุดดำนั้นเป็นใครกัน
นิมิตแสดงถึงภาพวัตถุแปลกประหลาดที่เดลไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นภาพประตูเหล็กบานใหญ่สูงใหญ่เหมือนประตูยักษ์เท่ากับตึกสิบชั้น คล้ายประตูเหล็กของยักษ์ในเรื่องแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์อย่างไรอย่างนั้น
มันแว่บเข้ามาในสมองตอนที่เขากำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่โต๊ะทำงานที่บ้าน
“ใช่สิประตูนั้นเรียกว่าเฮเว่นเกต”
เขาร้องออกมาเมื่อรู้ชื่อเรียกของประตูนั้นได้ มันหมายถึงประตูสวรรค์หรืออันใดกัน เขาพยายามนึกก็นึกไม่ออกว่าไปได้ยินคำนี้ที่ไหน อาจจะได้ยินจากในลิฟท์หรือที่ทำงาน หรืออาจจะได้ยินในโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ในทีวี แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่า นิมิตจะบอกให้เขาไปหาข้อมูลนั้น
เขาจึงลองค้นหาข้อมูลคำว่าเฮเว่นเกตจากอินเตอร์เนต และก็ได้พบข้อมูลที่น่าจะเกี่ยวข้อง เขานึกออกแล้วว่าเฮเว่นเกตเกี่ยวข้องกับชายคนหนึ่งนี่นา ชายผู้ซึ่งพบกับเรื่องร้ายคนนั้น ลีโอ บัสโซ่
“อาถรรพณ์อันน่าพิศวงหรือเรื่องบังเอิญ”
เมื่อเปิดเข้าไปก็พบกับเรื่องราวอาถรรพณ์ซึ่งมีส่วนพัวพันกับชะตากรรมของผู้เขียน ลีโอ บัสโซ่ นักเขียนนามกระเดื่องแห่งยุคซึ่งเขาเองก็พอรู้จักอยู่บ้าง แม้ว่าเขาไม่ใช่คนชอบอ่านนิยายก็ตามที คดีของลีโอแม้จะไม่ใช่คดีที่เขาเคยเกี่ยวข้องก็ตาม แต่เขาก็สนใจในคดีนั้นมิใช่น้อยและคิดว่ามันเป็นคดีที่มีปัญหา แต่เมื่อศาลพิพากษาไปเรียบร้อยแล้วเขาจึงไม่มีข้อโต้แย้งใดใดอีก
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประหารชีวิตลีโอแล้ว เขาเองก็ได้รับการ์ดเชิญให้ไปเป็นสักขีพยานในวันประหารชีวิตนั้นด้วย
เดลสนใจในบทความในเวบนั้นซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นของเจ้าของบทความเท่านั้น
หนึ่ง.. ผู้เขียนนิยายฆ่าภรรยาและชายชู้ตายเหมือนในเหตุการณ์ในนิยายเรื่องเฮเว่นเกตของเขา
สอง..ผู้คุมและพัสดีของเรือนจำแห่งเรือนจำกลางตายอย่างลึกลับเหมือนกับในเรื่อง
สาม..ผู้อ่านจำนวนมากเหมือนต้องสะกดเมื่ออ่านมนตราในตอนหนึ่งของเรื่อง
สี่..ชะตากรรมของตัวเอกในเรื่องมีหลายส่วนที่คล้ายกับชะตากรรมของผู้เขียน
ห้า..สาวกนิยายจำนวนหนึ่งกำลังค้นหาภาพเขียนวิญญาณซึ่งปรากฏในท้องเรื่องเพราะเชื่อว่าภาพนั้นมีอยู่จริง และมีอาถรรพณ์จริง
เดลกอดอกเอามือขวาชันคาง ข้อความเหล่านั้นสะกิดใจเขาให้เข้าสู่วังวนแห่งความสงสัย
เฮเว่นเกตเขียนขึ้นมาจากเค้าโครงเรื่องจริงในอนาคต..
เอาเรื่องในอนาคตมาเขียน....
เดลหันไปหยิบเสื้อคลุมและพาตัวเองออกจากแผนกสืบสวนลงลิฟท์มาชั้นล่างของตึกบัญชาการ เมื่อมองออกไปก็พบว่าผู้คนบนถนนนอกตึกดูบางตาเหลือเกินผิดกับทุกวันที่มีคนจอแจ
เขาเดินออกจากหน้าประตูเลื่อนของตึกและเดินข้ามถนนไปยังตึกอิมพีเรียลโซไซตี้ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ที่นั่นเป็นศูนย์กลางค้าใหญ่ ปกติเกือบทุกวันจะมีผู้คนคึกคักเพราะตึกนี้เป็นศูนย์รวมธุรกิจร้านค้าจำนวนมากแต่วันนี้ผู้คนดูบางตา
จะได้ไม่ต้องเบียดเสียด ดีเสียอีก..
ร้านหนังสือใหญ่ๆ หลายร้านมีคนเดินไม่มากนัก
ปกติช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เดลชอบลงมาหาอะไรทานกลางวัน ที่ชั้นสองของตึกนี้มีร้านอาหารหลากหลายชนิดและช่วงบ่ายผู้คนจะไม่พลุกพล่านวุ่นวายนัก
แต่วันนี้มันเงียบผิดปกติกว่าทุกวัน เขาเลือกเข้าร้านหนังสือดิเอเวนเจอร์บุ๊คกาซีนและเข้าไปยังโซนหนังสือนิยายที่มีหนังสือมากมายละลานตา เขาเอานิ้วกรีดเลือกหนังสือแถวที่อยู่ในระดับสายตา อ่านชื่อที่สันหนังสือทีละเล่มทีละเล่ม เพียงครู่เดียวเขาก็ได้หนังสือเล่มที่ต้องการนั้นในมือ
“เฮเว่นเกต สนุกยังไงนะถึงได้ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งถึงสองสามปี”
เดลพลิกอ่านดูที่คำโปรยด้านหลัง
“ผู้ใดค้นพบประตูสวรรค์ ผู้นั้นจะได้อำนาจเหนือโลก”
และเมื่อเปิดสุ่มเข้าไปอ่านตอนหนึ่ง
เขาก้มลงกอดร่างของภรรยาสุดที่รักและร้องไห้อย่างเสียใจ
“ฉันฆ่าเธอหรือนี่ ฉันฆ่าเธอ....”
เขาคิดว่าตนเองเป็นผู้สังหารเธอ ในห้องนั้นมีเพื่อนชายคนสนิทของเธอนอนตายอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว คิดได้ดังนั้นเขาจึงหลบหนีไปพร้อมภาพเขียนทั้งสองใบเพราะเชื่อแน่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากอาถรรพณ์ของภาพเขียนเฮเว่นเกต และขณะนี้เหตุการณ์ในอดีตกำลังจะซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง เขาควบคุมสติและตรึกตรองจนแน่ใจว่าเมื่อยิ่งเข้าใกล้ภาพเขียนเฮเว่นเกต เรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับเขา จนยากจะแก้ไขได้ แต่เวลานี้เขาไม่กลัวมันอีกแล้ว
เดลสุ่มไปยังหน้าสุดท้ายก็พบบทส่งท้ายก่อนจบภาคแรก
เขาจะทำอย่างไรกับเวลาที่เหลือน้อยนิด เขาจะตายไม่ได้และหนทางเดียวก็คือต้องปิดประตูสวรรค์นั้นให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป…
เดลปิดหนังสือและหยิบเดินไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงินค่าหนังสือและเดินออกจากร้านหนังสือ ถ้าเขาสังเกตุสักนิดจะพบว่าเอลยืนอยู่ในร้านหนังสือนั้น เอลซึ่งกำลังยืนอ่านหนังสืออยู่เหลือบมาเห็นเขาอยู่นอกร้านแล้ว
ดวงเราสมพงศ์กับเจ้านี่เสียจริง เอลคิดก่อนที่จะสังเกตุเห็นหนังสือในมือของเดล
“อ่านเฮเว่นเกตด้วยเรอะ”
เดลเดินอ่านหนังสือเล่มนั้นไปเรื่อยๆ เอลรีบวางหนังสือลงที่ชั้นวางและเดินตามออกมาทันที
“อ่านทำไมกัน หรือว่านายกำลังวิเคราะห์คดีด้วยหนังสือ?”
เอลไม่ได้เดินตามออกมานอกตัวตึกยังคงเดินลัดเลาะริมกระจกเพื่อแอบดูเดลไปเรื่อยๆ
ขณะที่เดลกำลังเดินไปตามทางเลียบตัวตึกก็สวนกับหญิงสาวคนหนึ่ง เขาชะงักทันที แค่แว่บเดียวเขาก็รับรู้ได้ว่าหญิงสาวคนนั้นใส่แว่นตาดำและกระโปรงสีดำเสมอเข่า คล้ายคนรู้จัก
ใครนะ...
เดลคิดและหันหน้ากลับไปมอง แต่ด้านหลังกลับว่างเปล่า ไม่มีหญิงสาวที่ด้านหลัง ไม่มีใครเดินผ่านไปเขาแค่คิดไปเอง เขากวาดตามองไปรอบๆบริเวณนั้น แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาคนสักคนในระยะไม่เกินสิบเมตร
เราตาฝาดไปหรือนี่...
เดลแปลกใจไม่หาย ก่อนที่จะมั่นใจว่าตาฝาดหรือไม่ก็คิดไปเอง ไม่มีใครเดินผ่านมาสักคน
หรือว่านิมิตเกิดขึ้นอีกแล้วหรือนี่...
ขณะที่ทุกความคิดของเขาถูกเอลอ่านหมดแล้ว
“นิมิตอะไร.. เมื่อกี้ไม่เห็นมีใครนี่”
เอลเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเมื่อครู่มีคนเดินผ่านหน้าเดลไปหรือเปล่า ทำไมแค่คนเดินผ่านถึงทำให้เดลคิดเรื่อยเปื่อยไปได้ขนาดนั้น ที่สำคัญเอลได้รู้ว่าแค่คนเดินผ่านก็ทำให้เดลหวนนึกไปถึงหญิงสาวผู้หนึ่ง หญิงสาวสูงวัยกว่าเขาหลายปีผู้ซึ่งเคยสนิทสนมกับเขามานานหลายปี และเขาไม่ได้พบหน้าเธอมาสองสามปีเห็นจะได้
ฉับพลันใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นก็พลันผุดขึ้นในจินตภาพของเดลอย่างอัตโนมัติ และเอลก็ได้เห็นใบหน้าของเธอเช่นกัน
เธอคือซู ไอวอรี่ วัยยี่สิบห้านักสืบสาวจากอเมริกา
เอลสงสัยว่าทำไมจู่ๆเดลจึงคิดถึงเธอขึ้นมา ไม่เห็นแปลกถ้าเป็นคนรักที่ห่างไกลก็ย่อมนึกถึงกันได้ เขาเพิ่งรู้ว่าเดลพยายามเดินวนหาหญิงสาวคนนั้น เพราะเขาปักใจเชื่อว่าเธอเดินผ่านมาที่บริเวณนั้น
แต่สุดท้ายก็หาไม่พบ เดลจึงตัดใจเดินออกจากบริเวณนั้น
เอลยังคงยืนมองเดลจนเดินข้ามถนนไปยังตึกที่ทำงาน เขายังจำใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นได้ติดตา
“ก็ดูสวยดี แต่ดูแข็งๆยังไงพิกล ว่าแต่ว่าเจ้านี่มีแฟนด้วยเรอะ อายุมากกว่าด้วยนี่นา..”
จู่ๆ ภาพใบหน้าของแอนนาก็แว่บเข้ามาในสมองของเขา สาวลูกครึ่งเกาหลีอเมริกันสุดน่ารัก
“ไม่ได้เรื่องเลยเรา ไปคิดถึงเธอทำไม...”
คิดไปคิดมาเขาก็บ่นด่าตัวเองว่าไปแอบอ่านใจของผู้อื่นอีกแล้ว
“เรามันแย่จริงๆ”
“ว่าแต่ ความสามารถนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ เห็นภาพใบหน้าในความคิดของผู้อื่นก็ได้ด้วย”
เอลคิดเรื่อยเปื่อยไปจนถึงที่จอดเจ้าสายฟ้า เขาเห็นขี้นกก้อนเปียกอยู่ที่เบาะรถ
“ไอ้นกบ้าที่ไหนกันนะ” เอลร้องด้วยความโมโห “ขี้เรี่ยราด แย่ที่สุด”
เขาดึงผ้าที่เก็บไว้ในกล่องหน้ารถมาเช็ดขี้นก ก่อนที่จะเหลียวมองขึ้นไปบนฟ้า มีนกฝูงใหญ่บินอยู่เหนือศีรษะของเขาและสภาพท้องฟ้าแปรปรวนรุนแรง
“จู่ๆ ทำไมฝนจะตกนะ”
จู่ลมพายุหอบใหญ่ก็พัดมา เขารีบใส่หมวกกันน๊อคและสตาร์ทรถไปจากที่นั่นทันที
...........................................................................................................................................................
2
พบกับแอนนา
เจ็ดโมงเช้า ที่หน้าโรงเรียนเซนต์แอนเจิ้ล
เอลมาโรงเรียนเช้ากว่าปกติ ทำให้ใครๆรู้สึกผิดปกติ โมจิและโมงิสองพี่น้องฝาแฝดห้องเอเดินผ่านหน้าของเขาไป ทั้งคู่กำลังคุยเรื่องเขาอยู่
“วันนี้ฝนตกแน่”
“ใช่สิ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมันเดินกับพวกเจ้าล้องก์เลย สงสัยมันคงเลิกคบกันแล้วมั้ง”
“อย่างมันน่าจะโดนไล่ออกนะ ทำไมไม่เห็นไล่มันออก”
จู่ๆ โมจิก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเอลจ้องมองมา
“มันรู้ว่าเรานินทามันเหรอ..”
สองพี่น้องฝาแฝดหันไปมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา
“อยู่ไกลขนาดนี้มันจะได้ยินได้ยังไงโมงิ”โมจิพูด “แหมมันไม่มีหูทิพย์หรอกน่า”
แล้วทั้งคู่ก็รีบเดินหนีเอลไป เอลยังคงฟังสองพี่น้องซึ่งยังคงนินทาต่อ
“และตำรวจนั่นก็เป็นพี่ชายของแอนนาห้องจีด้วยล่ะ เห็นว่าจะเป็นยอดนักสืบตาทิพย์เดลคนนั้น”
เอลสงสัยว่าเดลมาทำคดีนี้ทำไม
แค่คดีคนหายนะทำไมต้องถึงมือเจ้านั่น..
เขาใช้ความคิดเพลินจนเบรคไม่อยู่
“โอ๊ะ”
เขาไปชนกับบั้นท้ายของใครบางคนอย่างแรง เอลได้สติคว้าแขนไว้ได้ทันก่อนที่เธอคนนั้นจะล้มลงไปกับพื้น
เอ๊ะ...
“ขอโทษนะ..” เอลขอโทษอ้าปากค้างรีบปล่อยมือออกเมื่อพบว่าเธอคือแอนนา
“.......”
แอนนาพูดไม่ออกก้มหน้าบ่นพึมพำยืนชะงักค้าง
ใจลอยไม่เข้าเรื่องเลยเรา..
เธอนึกว่าเธอเองที่เป็นฝ่ายเดินมาชนเอล เธอจึงก้มหน้าตำหนิตนเอง
ยิ่งไม่อยากเจออยู่ด้วย.....
เธอรีบเดินหนีจากไปทันที พลางคิดว่าทุกวันนี้ขณะอยู่ในโรงเรียนเธอก็ระมัดระวังที่จะไม่เดินให้ไปเจอเอลและเพื่อน เพราะเธอยังทำใจกับเรื่องน่าอับอายในวันนั้นไม่ได้
“เอ๊ะ”
เธอก็ถึงกับตกตะลึงตากลมโต เมื่อเห็นมือของเอลจับอยู่ที่ข้อมือของเธอ
“เอามือออกไปนะ”
เธอร้องด้วยความโมโหและสะบัดมือให้เอลปล่อยมือ
“อ๊ะ”
เอลรีบปล่อยมือและพูดขึ้น
“ขอโทษนะ..”
เอลก้มหน้าพูดขอโทษ และแอนนาเองก็หันไปทางอื่นเช่นกัน
“จะทำไมอีกล่ะ”
“ขอโทษกับเรื่องทั้งหมดนะ”พูดจบก็รีบเดินหนีจากไปทันที
เป็นครั้งแรกที่เอลกล่าวขอโทษผู้อื่นอย่างจริงใจ
“เลิกคิดเรื่องนั้นได้มั้ย”แอนนาหลับหูหลับตาพูดออกไปโดยไม่รู้ว่าเอลเดินไปไกลแล้ว
หันมาอีกทีก็มองไม่เห็นเอลแล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ p o n g 4 3 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ p o n g 4 3
ความคิดเห็น